พารู้จัก AI ตรวจจับภัยคุกคามจากน่านฟ้า

สถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งในพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกกำลังเป็นความเสี่ยงให้เกิดสงครามในระดับภูมิภาค เห็นได้จากข่าวการโจมตีในประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่กินเวลามาอย่างน้อยเกือบ 3 ปี 

การโจมตีส่วนใหญ่ล้วนมาจากน่านฟ้า เช่น การจู่โจมด้วยจรวด, อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเครื่องบินรบ รวมถึงการนำเทคโนโลยีโดรนเข้ามาใช้ทางการทหารมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นหลายประเทศเริ่มออกมาตรการ รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากน่านฟ้า

AI ตรวจจับภัยคุกคามจากน่านฟ้า 

ที่สหรัฐฯ มีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้กับ กล้องสำหรับตรวจจับภัยคุกคามจากน่านฟ้า โดยหากย้อนกลับไปในช่วงสมัยที่ สหรัฐฯ เกิดเหตุการณ์ 9/11 จากกลุ่มผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสาร และขับชนตึกเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา สหรัฐฯ ก็มีระบบป้องกันภัยคุกคามทางอากาศขึ้นมา

การพัฒนาในครั้งนี้พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีที่ชื่อ Teleidoscope ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทัพอากาศ และจากโครงการ Accelerate the Procurement and Fielding of Innovative Technologies (APFIT) เพื่อเร่งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้สำหรับปฏิบัติการทางทหาร

กล้องตรวจจับภัยคุกคามตัวใหม่นี้มีชื่อว่า Enhanced Regional Situational Awareness หรือ ERSA เป็นการนำ AI มาใช้เพื่อทำการจดจำและระบุข้อมูลทางภาพ ซึ่งจะกระจายไปทั่วภูมิภาค โดยแต่ละมุมมอง electro-optical visual สามารถมองเห็นทัศนียภาพในรูปแบบอินฟราเรด (Infrared) 

นอกจากนี้ยังมี เลเซอร์วัดระยะ (Laser Range Finder) ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถยิงลำแสงเลเซอร์ไปยังวัตถุ เพื่อวัดระดับความสูงและระยะทางของวัตถุ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของ Machine Learning ในระบบ เช่น ฟีเจอร์ติดตามอัตโนมัติขั้นสูง (Enhanced Auto-Tracking) ที่มีโหมดล็อกเป้าหมายหลากหลายรูปแบบ มีระบบแจ้งเตือนด้วยภาพ (Visual Warning System) โดยใช้เลเซอร์ส่องเข้าไปภายในตัวเครื่องบิน จะตรวจจับเครื่องบินที่น่าสงสัยหรือวัตถุต้องสงสัยบนน่านฟ้าสหรัฐฯ

ในปัจจุบันมีกล้องใหม่ที่ติดตั้งและพร้อมใช้งานแล้ว 2 ตัว ซึ่งทีมงานที่พัฒนากล้อง ERSA กำลังดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับติดตั้งกล้องใหม่จำนวนเจ็ดตัวต่อปีในอนาคต

ที่มา : U.S. DepartmentofDefense